การออกกำลังกาย

วันอังคารที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2551

เคล็ดลับสำหรับหนุ่มที่ไม่อยาก "หย่อน"

เวอร์ชั่นเต็ม: 10 เคล็ดลับสำหรับหนุ่มๆ ที่ไม่อยาก “หย่อน”
Eddga 10-8-2008 20:31
10 เคล็ดลับสำหรับหนุ่มๆ ที่ไม่อยาก “หย่อน

1. หมั่นออกกำลังกายฟิตร่างกายให้กล้ามเนื้อหนั่น แน่น รูปร่างสมส่วน สุขภาพฟิตปั๋ง เช่นนี้ก็คงไม่ต้องกังวลหรือระวังกับอาการ “หย่อน” หรือ “เสื่อม” เพราะเมื่อระดับความแข็งแรงทางร่างกายเพิ่มขึ้น ความสุขทางเพศที่เคยคิดไว้ว่าอยากจะได้อยากจะทำ ก็จะมีโอกาสเป็นไปได้มากขึ้น

นักวิจัยในมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ให้กลุ่มตัวอย่างชายวัยปลาย 40 ที่มีสุขภาพดี แต่วันๆ เอาแต่นั่งๆ นอนๆ ไม่มีกิจกรรมที่หลากหลาย ไม่ออกกำลังกาย ไปเข้าร่วมชั้นเต้นแอโรบิกเป็นเวลา 9 เดือนติดต่อกัน ผลปรากฏว่ากลุ่มตัวอย่างมีความต้องการทางเพศเพิ่มขึ้นกว่าเดิม แถมมีเซ็กซ์ได้บ่อยครั้งขึ้นกว่าเดิม เป็นที่พออกพอใจในความสามารถของตนเองยิ่งนัก ปัญหาความขัดแย้งกับคู่รักลดลง และปัญหาทางเพศก็ลดลงด้วย

2. กินผักผลไม้ให้มากขึ้นผู้ชายส่วนใหญ่ไม่ค่อย ใส่ใจเรื่องอาหารการกิน โดยเฉพาะเรื่องผักและผลไม้ มีแบบไหนก็กินมันแบบนั้น และมักเมามันกับอาหารจำพวกเนื้อๆ หนังๆ มากกว่าอาการอุดมกากใยอย่างผลไม้กับผัก โดยเฉพาะผลไม้นั้น หนุ่มๆ เขาส่ายหน้าหนีกันนัก เกรงจะถูกมองว่าเป็นพวกหวานแหววแต๋วจ๋า แมนไม่ถึงร้อย เป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนและงี่เง่าอย่างที่สุด คุณผู้ชายทั้งหลายทราบไหมว่า พืชผักผลไม้เป็นแหล่งเส้นใยอาหารและสารต้านอนุมูลอิสระ หรือแอนตี้ออกซิแดนท์ ที่ช่วยป้องกันเซลล์เสื่อมสภาพกับเส้นเลือดตีบ ซึ่งเป็นสองอาการที่เสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจและอวัยวะเพศไม่แข็งตัว นี่ยังรวมไปถึงอาหารจำพวกสาหร่าย และธัญพืชด้วย

3. จะสูบทำไม...บุหรี่คุณรู้ไหมว่า การสูบบุหรี่นั้น ถือเป็นการช่วยเร่งให้เซลล์ต่างๆ ของร่างกายเสื่อมสภาพเร็วยิ่งขึ้น นำไปสู่การอุดตันของเส้นเลือดแดง ที่เป็นสาเหตุให้เกิดโรคหัวใจ รวมทั้งเส้นเลือดที่ไปหล่อเลี้ยงอวัยวะเพศ ทำให้เลือดเข้าไปหมุนเวียนในอวัยวะเพศได้น้อย ซึ่งหมายถึงสภาพเสี่ยงต่อการไม่สามารถแข็งตัวของอวัยวะเพศ หรือแข็งตัวไม่เต็มที่ หรือหดตัวอย่างรวดเร็ว ไม่สามารถทำอะไรให้ตลอดรอดฝั่งได้ รู้อย่างนี้แล้วยังจะสูบกันอีกไหม?

4. ลดการบริโภคไขมันสัตว์และอาหารอุดมคอเลสเตอรอลไขมัน สัตว์และอาหารอุดมคอเลสเตอรอลนั้น ก็เหมือนกับการสูบบุหรี่นั่นแหละ ไขมันจากเนื้อสัตว์และคอเลสเตอรอลอาจทำให้เส้นเลือดอุดตัน รวมทั้งเส้นเลือดที่ตรงไปหล่อเลี้ยงอวัยวะเพศ นักวิจัยประจำวิทยาลัยแพทย์ในเซาธ์ แคโรไลนา เคยทำการศึกษาผู้ชายวัย 25-83 ปี จำนวน 3,250 คน ในจำนวนนี้คนที่มีระดับคอเลสเตอรอลสูง พบว่ามีปัญหาเรื่องการแข็งตัวของอวัยวะเพศมากเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์เต็ม ดังนั้นอาหารที่ควรหลีกเลี่ยงก็เช่น ข้าวขาหมู เครื่องในสัตว์ หอยนางรม อาหารฟ้าสต์ฟู้ดทั้งหลาย เหล่านี้เป็นต้น

5. หลับให้สนิท และพักผ่อนให้เพียงพอการวิจัยล่า สุดจากออสเตรเลียและนิวซีแลนด์แสดงให้เห็นว่า การอดนอน (หรือการนอนน้อย) สามารถทำให้คนเรามีการแสดงออกที่แย่ลง สมองสั่งการช้า มึนงง เหมือนกับคนเมาเหล้า แน่นอนละ...คนเราถ้าหัวหมุนเพราะอดนอน พอขึ้นเตียง แทนที่จะรู้สึกตื่นตัวทางเพศ ก็มักอยากห่มผ้านอนหลับให้สบาย ดังนั้นควรหาวิธีปรับเปลี่ยนห้องนอนให้ปราศจากเสียง กลิ่น หรือแสงรบกวน นอนหลับให้สนิท จัดตารางเวลาพักผ่อนให้เต็มที่ ฝึกนิสัยการนอนให้เป็นเวลา และเมื่อสมรรถภาพฟื้นคืนกลับมา อย่าลืมทำการบ้านและส่งการบ้านเป็นระยะๆ ด้วย (เดี๋ยวคุณครูจะดุเอา)

6. ดื่มแต่พอประมาณไม่ห้ามเรื่องเครื่องดื่ม แอลกอฮอล์ แต่จงดื่มแค่พอประมาณ ไม่ต้องถึงกับเมามาย เพียงร่ำสุรากินบรรยากาศ หรือกระตุ้นอารมณ์หวามไหว เท่านั้นคงไม่มีใครต่อว่า และร่างกายก็ไม่ล้า หรือชำรุดทรุดโทรมคนทั่วไปโดยเฉลี่ย พลังที่ดื่มเบียร์มากกว่า 2 แก้ว ดื่มค็อกเทลหรือไวน์ภายในแค่ 1 ชั่วโมง แอลกอฮอล์จะเริ่มมีอิทธิพลต่อระบบประสาทส่วนกลาง ความกลัวถูกระงับ และแทนที่ด้วยการมีอารมณ์ทางเพศ แต่คนที่ดื่มมากไปกว่านี้ มักพลาดความสุขที่ควรจะเกิดขึ้นหรือได้รับ เพราะมัวแต่เมาคอพับคออ่อน

7. ควบคุมความเครียดเพราะความเครียดเป็นสาเหตุ หลักของปัญหาทางเพศในคนทุกวัย ใครที่หาวิธีลดความเครียดได้ มักมีความสุขกับเรื่องบนเตียงมากขึ้น การออกกำลังกาย นวด โยคะ การบำบัดด้วยวิธีต่างๆ ฟังเพลง เป็นวิธีที่ช่วยลดความเครียดได้ อยู่ที่วิธีไหนเหมาะกับคุณ ลองหาให้พบ

8. เปิดใจกว้างกับการทดลองใหม่ๆ ทางเพศสภาพที่น่า เบื่อหน่ายของการร่วมรัก เป็นเพชฌฆาตฟาดฟันและทำหน้าที่ประหารแรงกำหนัด และการแข็งตัวของอวัยวะเพศ วิธีแก้ไขคือ ลองอะไรที่แตกต่างดูบ้าง เช่น ร่วมรักในสถานที่ที่แปลกไปจากเดิม ร่วมรักในช่วงเวลาที่แตกต่างจากเวลาที่เคย ร่วมรักด้วยท่าอื่นๆ บ้าง ทำวันหยุดสุดสัปดาห์ให้โรแมนติก ใช้ของเล่นประกอบบ้าง (เช่น ไวเบรเตอร์ ผ้าพันคอ หมอน ฯลฯ)

9. จงทะนุถนอมความสัมพันธ์จริงหรือที่หนุ่มโสดจะ สนุกกับเซ็กซ์ได้มากกว่าผู้ชายที่แต่งงานแล้ว? ไม่มีทาง! เพราะผลการสำรวจเกี่ยวกับเรื่องเซ็กซ์ในมหาวิทยาลัยชิคาโก พบว่า ผู้ชายที่แต่งงานแล้ว (และคนที่อยู่ด้วยกัน) มีเซ็กซ์บ่อยครั้งกว่าหนุ่มโสดเสียอีก

10. ยืดเวลาเล้าโลมให้ยาวออกไป อะไรๆ ก็ยืดยาวขึ้นเหตุผลใหญ่ๆ ที่แนะนำให้หนุ่มๆ ใช้เวลาต่อการเล้าโลมให้มากขึ้นมีด้วยกัน 2 ข้อข้อ แรก-ผู้หญิงชอบการถูกหยอกล้อ หยอกเย้า โอบกอด เล้าโลม ลูบไล้ ทั้งยังช่วยให้อารมณ์เพศซึ่งติดช้ากว่าของฝ่ายหญิงตื่นตัว ร่างกายจะขับน้ำหล่อเลี้ยงออกมาปูลาดทางเข้า ทำให้การสอดใส่หรือโยกยักปักลำทำได้ง่ายและหฤหรรษ์ขึ้นข้อสอง-ผู้ชาย ที่เริ่มมีอายุมากขึ้น มักต้องใช้เวลานานขึ้นกว่าอวัยวะเพศจะตื่นตัวเต็มที่ ดังนั้น ถ้ายืดระยะเวลาของการเล้าโลมให้นานขึ้น ก็จะรื่นรมย์ต่อทั้งสองฝ่าย และช่วยให้แน่ใจว่านัดนี้ไม่ล้มเหลวแน่การปล่อยเนื้อปล่อยตัวให้สภาพร่างกายทรุดโทรมไป ไม่ว่าจะโดยตั้งใจหรือไม่ก็ตามนั้น ไม่ก่อให้เกิดผลดีใดๆ ต่อคนเรา ไม่ว่าคุณจะสนใจหรือให้ความสำคัญต่ออารมณ์รักอารมณ์ใคร่มากน้อยขนาดไหนก็ตาม คำแนะนำทั้ง 10 ประการนี้ ส่วนหนึ่งก็ยังเป็นข้อที่ทุกคนต้องพึงปฏิบัติอยู่ดีโปรดอย่าหาข้ออ้างที่จะละเลย!!!

การออกกำลังไม่ได้ช่วยแค่ให้สุขภาพดีนะ แต่ว่ายังทำให้ผิวดีอีกด้วย เคยสังเกตุมั๊ยว่าหลังจากเราออกกำลังกายแล้ว ผิวจะชุ่มชื่นสดใส เป็นเพราะว่าออกซิเจนในร่างกายเราไหลเวียนดี ทำให้ผิวสดชื่นด้วย แล้วการออกกำลังกายยังมีข้อดีอย่างอื่นอีกเยอะแยะ มาดูกันดีกว่า ว่ามีอะไรบ้างการออกกำลังกายไม่ได้หมายถึงการที่ต้องไปแข่งขันกีฬากับผู้อื่น แต่การออกกำลังกายเป็นการแข่งขันกับตัวเอง
หลายคนก่อนจะออกกำลังมักจะอ้างเหตุผลของการไม่ออกกำลังกาย เช่น ไม่มีเวลา ไม่มีสถานที่ ปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพ ปัญหาเกี่ยวอากาศ ทั้งหมดเป็นข้ออ้างที่จะไม่ออกกำลังกาย แต่ลืมไปว่าการออกกำลังกายอาจจะให้ผลดีมากกว่าสิ่งที่เขาเสียไป
เป็นที่น่าดีใจว่าการออกกำลังให้สุขภาพดีไม่ต้องใช้เวลามากมายเพียงแค่วันละครึ่งชั่วโมงก็พอ และก็ไม่ต้องใช้พื้นที่หรือเครื่องมืออะไรมีเพียงพื้นที่ในการเดินก็พอแล้ว การออกกำลังจะทำให้รูปร่างดูดี กล้ามเนื้อแข็งแรง ป้องกันโรคหัวใจ ป้องกันโรคกระดูกพรุน ป้องกันโรคอ้วน การออกกำลังกายทำให้ร่างกายสดชื่น มีพลังที่จะทำงานและต่อสู้กับชีวิต นอกจากนั้นยังสามารถลดความเครียด
โรคที่มากับคนที่ไม่ออกกำลังกาย
กลุ่มโรคความดันโลหิตสูงและโรคหัวใจขาดเลือด
โรคอ้วน
โรคเบาหวานและไขมันในเลือดสูง
โรคเครียด
โรคภูมิแพ้
โรคปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ
โรคมะเร็ง
การเริ่มต้นออกกำลังกาย
หลายท่านไม่เคยออกกำลังมาก่อนเมื่อเริ่มออกกำลังอาจจะทำให้เหนื่อยง่ายวิธีดีที่สุดของการเริ่มต้นออกกำลังกายคือให้เริ่มออกกำลังกายจากกิจวัตรประจำวันเช่น
ใช้การเดินหรือขี่จักรยานเมื่อไปที่ไม่ไกล
หยุดใช้รถหนึ่งวันแล้วใช้การเดินไปทำงานสำหรับผู้ที่บ้านและที่ทำงานไม่ไกล
ใช้บันไดแทนการขึ้นลิฟต์หรือบันไดเลื่อน
ขี่จักรยานรอบหมู่บ้าน
ทำงานบ้าน เช่นทำสวน ล้างรถ ถูบ้าน
ทำกิจวัตรเหล่านั้นทุกวันเป็นเวลา 2-3 เดือน หลังจากเพิ่มกิจกรรมได้พักหนึ่งจึงเริ่มต้นเพิ่มการออกกำลังกายเพื่อให้ร่างกายแข็งแรงขึ้น เช่น
เดินให้เร็วขึ้นสลับกับเดินช้า
ขี่จักรยานนานขึ้น
ขึ้นบันไดหลายชั้นขึ้น
ขุดดิน ทำสวนนานขึ้น
ว่ายน้ำ
เต้น aerobic แต่ไม่ต้องมาก
เต้นรำ
เล่นกีฬา เช่น แบดมินตัน เทนนิส ปิงปอง
หลังจากที่เตรียมความพร้อมร่างกายแล้วเรามาเริ่มต้น ฟิตร่างกายกัน
หลังจากเตรียมความพร้อมแล้ว คุณได้ออกกำลังเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันแล้วหากคุณต้องการฟิตร่างกายก็สามารถทำได้โดย
โดยการวิ่งเร็วขึ้น นานขึ้น
ว่ายน้ำนานขึ้น
การฟิตร่างกาย คุณต้องติดตามความก้าวหน้าของการออกกำลังกายเช่น เวลาที่ใช้ในการออกกำลังเพิ่มขึ้น ระยะทางในการออกกำลังเพิ่มขึ้น หัวใจเต้นได้ดี รายละเอียดของการ
ออกกำลังกายคลิกที่นี่
เทคนิคของการออกกำลังกายเป็นประจำ
จะต้องตระหนักว่าการออกกำลังกายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตซึ่งจะขาดไม่ได้เหมือนการนอนหลับ หรือการรับประทานอาหาร
เลือกการออกกำลังกายที่ชอบที่สุด และสะดวกที่สุด
ครอบครัวอาจจะมีส่วนร่วมด้วยก็จะดี
ช่วงแรกๆของการออกกำลังกายไม่ควรจะหยุด ให้ออกจนเป็นนิสัย
บันทึกการออกกกำลังกายไว้
หาเป็นไปได้ควรจะมีกลุ่มเพื่อออกกำลังกายร่วมกันเพราะกลุ่มจะช่วยกันประคับประคอง
ตั้งเป้าหมายการออกกำลังและการรับประทานทุกเดือนโดยอย่าตั้งเป้าหมายสูงเกินไป
ติดตามความก้าวหน้าโดยดูจากสมุดบันทึก
ให้รังวัลเมื่อสามารถบรรลุเป้าหมาย(ห้ามการเลี้ยงอาหาร)
ที่สำคัญการออกกำำลังแม้เพียงเล็กน้อยดีกว่าการไม่ออกกำลังกาย
ออกกำลังกายอย่างปลอดภัย
ถ้าหากท่านได้เตรียมความพร้อมที่จะออกกำลังกายแล้วอยากจะฟิตร่างกายท่านสามารถทำได้ทันที แต่หากมีอาการหรือโรคต่อไปนี้ควรปรึกษาแพทย์ก่อนฟิตร่างกาย
ถ้าท่านอายุมากกว่า 45ปี
หรือมีโรคประจำตัวเช่นโรคความดันโลหิตสูง
โรคเบาหวาน โรคไขมันในเลือดสูง
สูบบุหรี่
หรือมีประวัติครอบครัวเป็นโรคหัวใจ
มีอาการเจ็บหน้าอก เหนื่อยมาก
มีอาการหน้ามืด
จำเป็นต้องอุ่นร่างกายหรือไม่
Warm up
ก่อนออกกำลังกายหรือเล่นกีฬาจำเป็นต้องอบอุ่นร่างกายทุกครั้งเพื่อเตรียมความพร้อมของหัวใจ และหลังจากการออกกำลังควรจะอบอุ่นร่างกายอีกครั้ง รายละเอียดดูได้จากการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ
ความฟิตคืออะไร Physical fittness
ความฟิตไม่ได้หมายถึงว่าคุณสามารถวิ่งได้ระยะทางเท่าใด หรือยกน้ำหนักได้เท่าใด แต่ ความฟิตหมายถึงประสิทธิภาพของหัวใจ ปอดและกล้ามเนื้อทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยทั่วไปถ้าหากออกกำลังกายได้อย่างน้อยวันละ 30 นาทีโดยออกหนักปานกลาง สัปดาห์ละอย่างน้อย 5 วันถือว่าได้ออกกำลังแบบ aerobic exercise รายละเอียดมีในออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ ความฟิตของร่างกายต้องประกอบด้วยปัจจัย 5 อย่าง
Cardiorepiratory endurance หมายถึงความสามารถของหัวใจที่จะสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆได้อย่างเพียงพอในขณะที่ออกกำลังกาย การออกกำลังกายแบบ areobic จะเป็นการฝึกให้หัวใจแข็งแรง
Muscular strength ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อซึ่งเราสามารถเพิ่มความแข็งแรงได้โดยการยกน้ำหนัก หรือวิ่งขึ้นบันได
Muscular enduranceความทนของกล้ามเนื้อหมายถึงความสามารถของกล้ามเนื้อที่จะทำงานอย่างต่อเนื่องโดยที่ไม่เกิดอาการเมื่อยล้า
สัดส่วนของร่างกาย หมายถึงสัดส่วนของกล้ามเนื้อ กระดูก ไขมัน การออกกกำลังจะทำให้มีปริมาณกล้ามเนื้อเพิ่มขึ้นแต่ปริมาณไขมันจะลดลง อาจจะดูได้จาก
ดัชนีมวลกาย
Flexibility ความยืดหยุดของกล้ามเนื้อ เอ็น เพื่อป้องกันกล้ามเนื้อหรือข้อได้รับอุบัติเหตจากการออกกำลังกาย อ่านและฟังที่นี่
ขณะป่วยควรออกกำลังกายหรือไม่
ขณะที่เจ็บป่วยไม่ควรออกกำลังกายเพราะจะทำให้โรคเป็นมากขึ้นควรจะพักจนอาการดีขึ้น แต่ถ้าท่านเป็นโรคเรื้อรังควรปรึกษาแพทย์ในการออกกำลังกาย
จริงหรือไม่ที่การออกกำลังกายโดยการเดินดีพอๆกับการวิ่ง
การเริ่มต้นออกกำลังควรใช้วิธีเดินเนื่องจากจะไม่เหนื่อยมาก ยังลดน้ำหนักได้และอาการปวดข้อไม่มาก ส่วนการวิ่งจะเป็นการออกกำลังที่คุณเตรียมร่างกายไวพร้อมแล้วเพราะการวิ่งจะทำให้หัวใจเต้นเร็ว ทำให้เหนื่อย และทำให้ปวดข้อ ดังนั้นการออกกำลังโดยการเดินเหมาะสำหรับคนอ้วน หรือผู้ที่เริ่มออกกำลังกายแต่ถ้าผู้ที่ต้องการความฟิตของร่างกายควรออกกำลังโดยการวิ่ง
คนท้องควรออกกำลังหรือไม่
คนท้องควรออกกำลังกายเป็นประจำแต่ออกกำลังแบบเบาๆโดยการเดิน ไม่ควรวิ่ง ไม่ควรยกของหนัก รายละเอียดอ่านได้จาก
การออกกำลังในคนท้อง
จะรู้ได้อย่างไรว่าออกกำลังกายมากเกินไป
ท่านสามารถสังเกตขณะออกกำลังกายว่ามากไปหรือไม่โดยสังเกตจากอาการดังต่อไปนี้
หัวใจเต้นเร็วมากจนรู้สึกเหนื่อย
หายใจเหนื่อยจนพูดไม่เป็นประโยค
เหนื่อยจนเป็นลม
ไม่มีอาการปวดข้อหลังออกกำลังกาย
หากมีอาการดังกล่าวให้หยุดการออกกำลังสองวันและเวลาออกกำลังให้ลดระดับการออกกำลังกาย
ประโยชน์ของการออกกำลังกาย
ผลต่อโรคความดันโลหิตสูง(140/90)
ผู้ที่ไม่ออกกำลังกายจะมีโอกาศเป็นความดันโลหิตสูงเพิ่มขึ้น 35%
การออกกกำลังอย่างสท่ำเสมอจะลดทั้งความดัน systole และ diastole อย่างชัดเจน
คนไข้ที่มีความดันโลหิตสูงที่ออกกำลังอย่างสม่ำเสมอจะมีอัตราการเสี่ียงชีวิตจากโรคแทรกซ้อน น้อยกว่าผู้ที่ไม่ได้ออกกำลัง
การออกกำลังจะช่วยเพิ่มอายุ 1-1.5ปี
ผลต่อโรคเส้นเลือดสมอง
อัตราการเกิดโรคหลอดเลือดสมองลดลงเมื่ออกกำลังกายเพิ่มขึ้น
เมื่อขึ้นบันไดวันละ 20 ขั้นจะลดอัตราการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดลงร้อยละ 20
ผู้ที่ออกกกำลังกายโดยการเดินเร็วๆสัปดาห์ละ 3 ชั่วโมงจะมีอุบัติการของโรคหัวใจและหลอดเลือดลดลงร้อยละ 40
ผลต่อโรคเบาหวาน
ผู้ที่ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอจะมีโอกาสการเกิดโรคเบาหวานลดลงร้อยละ 42
ผู้ออกกกำลังมากจนกระทั่งเหงื่อออก 1 ครั้งต่อสัปดาห์จะมีอุบัติการของการเกิดโรคเบาหวานลดลงร้อยละ 22
ผลต่อหัวใจ
ผู้ที่ไม่ออกกำำลังกายจะมีโอกาศเสียชีวิตเป็นสองเท่าของผู้ที่ออกกำลังกาย
การออกกำลังกายจะทำให้เลือดไปเลี้ยงหัวใจเพิ่มขึ้น
การออกกำลังกายจะทำให้หัวใจสะสมพลังงานไว้ใช้เมื่อเวลาหัวใจต้องทำงานหนัก
เพิ่มความแข็งแรงในการบีบตัวของหัวใจ
ลดระดับไขมันในเลือด เพิ่มระดับ HDL (ซึ่งเป็นไขมันที่ดี)
ลดระดับความดันโลหิต ลดการเต้นของหัวใจ ทำให้หัวใจทำงานน้อยลง
ผลต่อมะเร็ง
การออกกำลังกายจะลดการเกิดโรคมะเร็งได้ร้อยละ 46
ผลต่อคุณภาพชีวิต
การออกกำลังกาย 1500 กิโลแครอรีต่อสัปดาห์(ออกกำลังกายหนักปานกลาง)จะเพิ่มอายุ 1.57 ปีและลดอุบัติการการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรลงร้อยลง 67
สำหรับผู้สูงอายุทุก 1 ไมล์ที่เดินจะลดอุบัติการเสียชีวิตลงร้อยละ 19
การออกกกำลังอย่างสม่ำเสมอ(อายุ 45-84)จะลดการเสียชีวิตร้อยละ 18
การออกกำลังกาย การออกกำลังของผู้ที่มีโรคหัวใจ การออกกำลังเพื่อให้หัวใจแข็งแรง การออกกำลังกับโรคไต การออกกำลังในน้ำ การออกกำลังในโรคเบาหวาน